สวัสดีค่าาาาา นี้เป็นการเขียน blog ครั้งแรกของตัวเอง อาจจะมีผิดพลาดในการเขียนบ้างเพราะขนาดพูดยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเลย อิอิ ถ้ายังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ -/\-
วันแรกที่เข้าร่วมค่ายของ seal ซึ่งจัดโดยสยามชำนาญกิจ โดยจบค่ายแล้วจะต้องเก็บ requirement เป็นให้ได้ , design ระบบและแตกงานได้ , ติดตามผลทั้ง progress & process และสามารถปรับเปลี่ยนแผนงานได้ , ทำงานร่วมเป็นทีมและทำงานร่วมกับคนอื่นได้ และจะต้องรู้เรื่อง test-first programming / ATDD / TDD / CI / CD
สิ่งที่จะได้เรียน มี 3 อย่าง คือ Go lang , Microservices , Docker
และอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็น SEAL? ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจในชื่อนี้หรอก คิดว่าตั้งเท่ๆละมั้งง พอพี่หนุ่มได้อธิบายว่าทำไมถึงชื่อนี้เลยเข้าใจว่า เออ แต่ละคนที่มาเข้าทีมเนี่ย สกิลมันไม่เท่ากัน มันจะต้องมีคนที่ถนัดและไม่ถนัด ซึ่งพอเข้าหน่วย SEAL มันจะต้องปูพื้นใหม่กันหมด เพื่อที่ทุกคนทำได้เหมือนกัน (คล้ายหนังที่มีอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ SEAL ละมั้ง เราไม่เคยดู)
ในช่วงเช้าจะเป็นการแนะนำตัว แชร์ประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งเราเป็นเด็กที่จบใหม่(?) ไม่มีประสบการณ์อะไรเลยได้แต่แชร์โปรเจคจบปี 4 ใส่ใน index card
จากนั้นได้มากำหนดเวลาในแต่ละสัปดาห์ แบ่งเป็นช่วงๆ ตามภาพ
โดยในช่วงเช้าของทุกวันจะต้องฝึก coding dojo ในวันอังคารและวันพุธ 16.00–17.00 ได้ทำการจัด session สำหรับแชร์ความรู้ไว้ของแต่ละคนให้กับเพื่อนๆในทีม และวันศุกร์ช่วงบ่ายจะมีการ Experiment & Innovation คือ การนำสิ่งที่ได้จาก index card มาประยุกต์ใช้กับโปรเจค ให้เราลองฝึกทำและจะมีการ demo ใน sprint ถัดไป
ถัดมาเป็นช่วงบ่าย พี่หนุ่มได้สอนเรื่อง Software Development Life Cycle (SDLC) ในความเข้าใจของเรา คือ เป็นการเอา water fall มาปรับแก้ไข และมันก็ดูคล้าย Agile ซึ่งในความจริงมันไม่ใช่ มันคือคนละ model กันที่แต่ละคนได้คิดและปรับตรงนั้นตรงนี้ให้มันดีขึ้น อารมณ์เหมือนขายของ(ในความคิดเรา) ที่ว่าใครคิด product อะไรได้ก็เอาออกมาขายและแข่งกันทำให้มันดีกว่ากันในแต่ละเจ้าประมาณนี้
SDLC ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?? ในที่นี่เราจะอิงตาม XP
- Release Planning
- Iteration Planning
- Development
- Implement
- Maintain
ส่วนในรายละเอียดนั้นจะมาเสริมเพิ่มเติมอีกทีในวันถัดๆไปแทนนะคะ อุ๋งๆ
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็น waterfall model , Spiral model , kanban model มันไม่ใช่รูปแบบหรือวิธี เป็นแค่แนวคิดของแต่ละคนที่คิดค้นขึ้นมา ไม่มีใครบอกไว้ว่า model ไหนดีที่สุด แต่อยู่ที่ว่า เราจะเอา model ที่เหมาะนั้นมาประยุกต์ใช้ยังไงมากกว่า