เรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่ออกมานานแล้ว แต่เรื่องนี้ก็มีข้อคิดดีๆเหมือนกันนะ
เนื้อเรื่องจะอยู่ในยุคของความขัดแย้งและมีปัญหากันเรื่องเหยียดสีผิวกันอย่างรุนแรง ในเรื่องกล่าวถึงโค้ช 2 คน คือ โค้ชผิวดำ(เฮอร์แมน บูน) , โค้ชผิวขาว
(โค้ชบิว โยสต์) ซึ่งโค้ชเฮอร์แมนได้รับว่าจ้างให้มาเป็นหัวหน้าโค้ชของทีม Titans แทนที่โค้ชบิล ซึ่งการจ้างโค้ชเฮอร์แมนมาในช่วงความขัดแย้งนี้ ดูแล้วต้องมีปัญหาแน่ๆ แต่แล้วโค้ชเฮอร์แมนและโค้ชบิลต้องมาทำงานร่วมกัน โดยให้โค้ชบิลดูแลทีมรับ โค้ชเฮอร์แมนดูแลทีมรุก โดยโค้ชทั้งสองคนนั้นมีแนวทางการสอนที่ไม่เหมือนกัน โดยโค้ชเฮอร์แมนนั้นดูจะดุ โหด แต่เท่าเทียมกับทุกๆคนในทีม เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้สึกถูกเลือกปฏิบัติ ส่วนโค้ชบิวนั้นจะประนีประนอม คอยซัพพอตคนในทีม แต่สิ่งที่ทั้งคู่นั้นสอนก็เพื่อต้องการให้ทีมนั้น “ประสบความสำเร็จ”
ในช่วงแรกๆจะมีปัญหากันอยู่บ้างทั้งเด็กนักเรียนผิวสีและเด็กนักเรียนผิวขาว เนื่องจากการหล่อหลอมในสังคมช่วงยุคนั้น ทางโค้ชเฮอร์แมนพยายามจะให้นักเรียนผิวสีและผิวขาวอยู่ร่วมกัน โดยในทีมรับและทีมรุกจะต้องมีนักเรียนผิวสีและนักเรียนผิวขาวอยู่ภายในทีม เป็นรูมเมทกัน ฝึกซ้อมด้วยกันและให้เรียนรู้ซึ่งกันและกันพร้อมฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวันเพื่อความพร้อมในการแข่งขัน
แม้ภายในเรื่องทั้งนักเรียนในทีม Titan และแม้แต่ตัวโค้ชเองนั้น จะมีการทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็ปรับความเข้าใจกัน ยอมรับข้อผิดพลาด นำจุดแข็งแต่ละคนมาเสริมให้ทีมแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
แง่คิดจากในเรื่อง
ก็จะเริ่มต้นจากการไม่เลือกปฏิบัติ เรียนรู้ซึ่งกันและกันภายในทีม ยอมรับข้อดีข้อเสียของทีม การทำงานร่วมกันและสุดท้าย “ความสามัคคีภายในทีม”
ถ้าเรายังไม่สามัคคีกัน บนพื้นดินศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เราจะโดนทำลายเหมือนที่พวกเขาโดน — Coach Herman Boone